รีวิวหนัง Seven (1995)
ประเภทของภาพยนตร์: อาชญากรรม-สยองขวัญ
วันที่เข้าฉาย: 22 กันยายน ค.ศ. 1995
ผู้กำกับ: David Fincher
นักแสดงนำ: Brad Pitt, Morgan Freeman, Kevin Spacey, and Gwyneth Paltrow
ความยาว : 127 นาที
เรื่องย่อ:
ภาพยนตร์ Seven (1995) เป็นหนังระทึกขวัญที่เล่าเรื่องราวของนักสืบสองคนที่ต้องเผชิญหน้ากับคดีฆาตกรรมอันโหดร้าย ซึ่งผู้ต้องหากระทำการอย่างเป็นระบบตามบาปทั้งเจ็ดประการในศาสนาคริสต์ นักสืบวิลเลียม ซอมเมอร์เซ็ท (รับบทโดย มอร์แกน ฟรีแมน) ซึ่งกำลังจะเกษียณ และนักสืบรุ่นใหม่ เดวิด มิลส์ (รับบทโดย แบรด พิตต์) ต้องร่วมมือกันในการคลี่คลายคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่มีความซับซ้อนและลึกซึ้งในการดำเนินเรื่อง
เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อมีการพบศพผู้เสียชีวิตที่เป็นเหยื่อของการฆาตกรรม ซึ่งฆาตกรเลือกเหยื่อโดยอิงตามบาปทั้งเจ็ด ได้แก่ ความตะกละ ความโลภ ความเกียจคร้าน ความหยิ่งทะนง ความอิจฉา ความโกรธ และความใคร่ สองนักสืบเริ่มทำงานอย่างหนักในการค้นหาหลักฐานและติดตามร่องรอยต่าง ๆ เพื่อหยุดยั้งการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแต่ละครั้งเป็นการแสดงออกถึงบาปที่ชวนให้รู้สึกหดหู่และสะท้อนให้เห็นถึงความมืดดำในจิตใจมนุษย์ ดูหนังเกาหลี
ฆาตกรที่ต้องการส่งข้อความผ่านการฆาตกรรมเหล่านี้คือนักจิตวิปริตที่ชื่อว่า จอห์น โด (รับบทโดย เควิน สเปซีย์) เขามีแผนการที่คิดอย่างละเอียดเพื่อเผยให้เห็นถึงบาปในสังคมและบทเรียนอันโหดร้ายเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ ความเข้มข้นของเรื่องราวเพิ่มขึ้นเมื่อจอห์น โด ตัดสินใจมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่กลับกลายเป็นว่าการมอบตัวนั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการอันชั่วร้ายที่เขาวางไว้
ในตอนจบที่สะเทือนอารมณ์และหักมุมอย่างคาดไม่ถึง นักสืบมิลส์ต้องเผชิญหน้ากับการทดสอบทางอารมณ์อันสุดโต่ง ทำให้เขาต้องเลือกทางเดินที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล ขณะที่นักสืบซอมเมอร์เซ็ทต้องยอมรับความเป็นจริงที่ว่าความชั่วร้ายอาจไม่มีวันหมดสิ้นจากโลกนี้
ภาพยนตร์ Seven นำเสนอเรื่องราวที่ตื่นเต้นและกดดันอย่างต่อเนื่อง ภายใต้บรรยากาศอันมืดหม่นและเต็มไปด้วยความรู้สึกหดหู่ สะท้อนถึงธรรมชาติอันโหดร้ายของมนุษย์ และการต่อสู้กับความชั่วร้ายภายในและภายนอก ด้วยการแสดงที่ยอดเยี่ยมจากทีมนักแสดงและการกำกับของ เดวิด ฟินเชอร์ ทำให้ Seven กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในวงการภาพยนตร์
ความรู้สึกหลังจากชมภาพยนตร์:
Seven (1995) เป็นภาพยนตร์แนวสืบสวน-ระทึกขวัญที่กำกับโดย เดวิด ฟินเชอร์ ซึ่งโดดเด่นในเรื่องการสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและความมืดหม่น จนกลายเป็นผลงานที่มีความสำคัญในวงการภาพยนตร์ ในเรื่องนี้ ผู้ชมจะได้ติดตามนักสืบสองคนที่พยายามไล่ล่าฆาตกรต่อเนื่องผู้ใช้บาปทั้งเจ็ดประการของคริสต์ศาสนาเป็นแรงจูงใจในการก่อเหตุ mvhd24.com
โครงเรื่องและการดำเนินเรื่อง ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของนักสืบวิลเลียม ซอมเมอร์เซ็ท (มอร์แกน ฟรีแมน) ซึ่งกำลังจะเกษียณ และนักสืบรุ่นใหม่ไฟแรง เดวิด มิลส์ (แบรด พิตต์) ที่เพิ่งย้ายมาทำงานในเมืองนี้ ทั้งสองต้องร่วมมือกันในการสืบสวนคดีฆาตกรรมสุดโหดเหี้ยม ฆาตกรซึ่งอิงตาม "บาปเจ็ดประการ" ได้วางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ แต่ละเหยื่อถูกเลือกและถูกลงโทษอย่างน่าหวาดกลัว สะท้อนให้เห็นถึงความเสื่อมโทรมของสังคมและจิตใจมนุษย์
สิ่งที่ทำให้ Seven โดดเด่นคือการเล่าเรื่องที่ค่อย ๆ เปิดเผยความลึกลับของคดีในขณะที่บรรยากาศค่อย ๆ ตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ ความสามารถในการดึงผู้ชมเข้าสู่โลกอันโหดร้ายและชวนให้รู้สึกถึงความสับสนในความดีและความชั่ว ถือเป็นความสำเร็จของผู้กำกับที่สร้างบรรยากาศได้อย่างลึกซึ้งและน่าขนลุก
การแสดงที่น่าประทับใจ มอร์แกน ฟรีแมนและแบรด พิตต์ สามารถถ่ายทอดตัวละครนักสืบที่มีมุมมองต่อชีวิตต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซอมเมอร์เซ็ทเป็นนักสืบที่เต็มไปด้วยความรู้และความเหนื่อยล้าจากการทำงานในวงการมายาวนาน ส่วนมิลส์เป็นคนหนุ่มไฟแรงที่ยังคงมีความหวังและทัศนคติที่ไม่ยอมแพ้ การแสดงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของทั้งสองทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับความท้าทายและการต่อสู้ของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ เควิน สเปซีย์ ในบทจอห์น โด ฆาตกรผู้ใช้ศรัทธาในบาปเจ็ดประการเป็นแรงจูงใจในการก่อเหตุ ได้ถ่ายทอดบทบาทนี้อย่างลึกซึ้งและน่าหวาดกลัว การปรากฏตัวของเขาทำให้ทุกฉากที่มีเขาอยู่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและท้าทายความคิดของผู้ชม
ความมืดหม่นและการสะท้อนสังคม บรรยากาศของ Seven เต็มไปด้วยความมืดหม่นและความสิ้นหวัง การถ่ายทำที่ใช้โทนสีเข้มและการจัดแสงที่เน้นเงามืดสร้างความรู้สึกกดดันและหดหู่ ทำให้ภาพยนตร์นี้สะท้อนถึงโลกที่ไร้ความหวังอย่างลึกซึ้ง ตัวภาพยนตร์ไม่ได้เพียงแค่เล่าเรื่องราวของคดีฆาตกรรม แต่ยังสะท้อนถึงความเสื่อมโทรมของสังคมและธรรมชาติที่ไม่สมบูรณ์ของมนุษย์ด้วย
เดวิด ฟินเชอร์สามารถนำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับบาปและการลงโทษได้อย่างทรงพลัง โดยการกระทำของจอห์น โดถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวในจิตใจมนุษย์ ไม่เพียงแต่ผู้ที่เป็นเหยื่อของเขา แต่ยังรวมถึงทุกคนในสังคมที่ต้องเผชิญหน้ากับบาปในรูปแบบต่าง ๆ
บทสรุปที่ทรงพลังและสะเทือนใจ ตอนจบของภาพยนตร์ถือเป็นหนึ่งในฉากที่น่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์ แนวคิดที่ว่าความดีและความชั่วไม่ได้มีเส้นแบ่งที่ชัดเจนถูกนำเสนออย่างเข้มข้นและหักมุม การทดสอบทางจิตใจของมิลส์ในฉากสุดท้ายไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาเท่านั้น แต่ยังท้าทายผู้ชมให้กลับมาทบทวนทัศนคติของตัวเองต่อศีลธรรมและความชั่วร้าย
#ดูหนังฟรี #ดูหนังใหม่2024 #Seven
กลับด้านบน
Comments on “Seven (1995) Movie Review”